วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วิธีการประเมินสินค้าที่ขายบนเว็บไซต์อีเบย์แล้วได้กำไร (ต่อ)



หลังจากที่ Watch สินค้าไว้แล้ว พอสินค้าจบประมูล ก็ให้รวบรวมราคาปิดของสินค้าทุกชิ้นมารวมกันเพื่อหาค่าเฉลี่ย สินค้าชิ้นไหนขายไม่ได้ก็ไม่ต้องนำมาเฉลี่ยรวมด้วย คุณก็จะได้ราคาขายเฉลี่ยของสินค้าเพื่อนำมาคำนวณหากำไรต่อไป
ต้นทุน
ต้นทุนในการทำธุรกิจอีเบย์มีอยู่หลายส่วนได้แก่ Listing Fee, Final Value Fee, PayPal Fee, Withdrawal Fee, ต้นทุนสินค้าและค่าโสหุ้ยทั่วไป
ต้นทุนทั้งหมดจะต้องถูกคำนวณให้อยู่ภายใต้เกณฑ์เดียวกันคือ ต้นทุนต่อสินค้าที่ขายได้หนึ่งชิ้น ต้นทุนอย่าง Withdrawal Fee หรือค่าธรรมเนียมการถอนเงินจาก PayPal มาเป็นเงินบาท ซึ่งปกติคิดจากการสะสมยอดรายได้ของการขายสินค้าหลายๆ ชิ้นรวมกัน ก็จะต้องคิดแยกเป็นต้นทุนของสินค้าหนึ่งชิ้น หรือค่าโสหุ้ยทั่วไปอย่างเช่นค่าจ้างพนักงานถ่ายรูปสินค้า ก็จะต้องเฉลี่ยออกมาเป็นต้นทุนต่อสินค้าหนึ่งชิ้นด้วย
Listing Fee
Listing Fee ประกอบด้วย Insertion Fee ค่านำสินค้าไปแสดงบนเว็บไซต์อีเบย์ และ Upgrade Fee ค่าตกแต่งประกาศสินค้าให้ดูสะดุดตา ต้นทุนนี้จะมากหรือน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การตั้งราคาเปิดประมูลและวิธีการดึงดูดลูกค้าที่คุณเลือกใช้
ต้นทุนที่คำนวณได้นี้คือต้นทุนต่อการลิสต์สินค้าหนึ่งชิ้น แต่ยังไม่ใช่ต้นทุนต่อสินค้าที่ขายได้หนึ่งชิ้น
ถ้าคุณลิสต์สินค้า 10 ชิ้น มีต้นทุน Listing Fee ชิ้นละ $0.55 และสามารถขายสินค้าได้ทั้ง 10 ชิ้น แปลว่าคุณมีต้นทุน Listing Fee ต่อสินค้าที่ขายได้หนึ่งชิ้นอยู่ที่ $0.55
แต่ถ้าคุณลิสต์สินค้า 10 ชิ้น มีต้นทุน Listing Fee ชิ้นละ $0.55 แต่สามารถขายสินค้าได้เพียง 5 ชิ้น คุณจะมีต้นทุน Listing Fee ต่อสินค้าที่ขายได้หนึ่งชิ้นอยู่ที่ $0.55 x (10 / 5) = $1.10
ต่อที่บทความหน้านะครับ