ต่อจากบทความที่แล้วนะครับ
ตัวเลขการลิสต์สินค้า 10 ชิ้น แต่ขายได้จริง 5 ชิ้น มีชื่อเรียกว่า Conversion Rate หรือ Success Rate หรือใน Terapeak เรียกว่า Sell-Through ตัวเลขนี้มีความสำคัญไม่แพ้ตัวเลขยอดขายเฉลี่ยเลย ผู้ขายบางคนเข้าใจว่าใช้แค่ Listing Fee ก็พอ แต่ความจริงแล้วต้องเอา Conversion Rate มาคิดร่วมด้วย
ถ้าลิสต์สินค้า 10 ชิ้น ขายได้ทั้ง 10 ชิ้น Conversion Rate เท่ากับ 100%
ถ้าลิสต์สินค้า 10 ชิ้น ขายได้ 5 ชิ้น Conversion Rate เท่ากับ 50%
ถ้าลิสต์สินค้า 100 ชิ้น ขายได้ 33 ชิ้น Conversion Rate เท่ากับ 33%
ถ้ามี Listing Fee $0.55 แต่มี Conversion Rate 33% ต้นทุนค่า Listing Fee ต่อสินค้าที่ขายได้หนึ่งชิ้นจะเท่ากับ $0.55 x (1 / 0.33) = $1.67
Final Value Fee
ค่า Final Value Fee หรือค่าธรรมเนียมจากราคาสุดท้าย เป็นค่าธรรมเนียมที่อีเบย์จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากราคาขายสินค้า โดยเริ่มต้นที่ 8.75% สำหรับราคาขายที่ไม่เกิน $25
PayPal Fee
ค่าธรรมเนียมการรับเงินผ่าน PayPal สำหรับผู้ค้าชาวไทยจะเริ่มต้นที่ 3.9% + $0.30 แต่ถ้ายอดขายต่อเดือนเพิ่มมากขึ้นจนถึงอัตราที่กำหนด PayPal จะลดส่วน 3.9% ซึ่งเป็นต้นทุนผันแปรลง แต่ส่วน $0.30 ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่ (ค่าตัดบัตรเครดิต) จะไม่เปลี่ยน
ตัวอย่างการคำนวณหากำไร
สมมุติว่าคุณกำลังคิดจะขายพลอย โดยที่คุณมีต้นทุนค่าพลอยอยู่ที่เม็ดละ $20 หลังจากที่ใช้ Terapeak ทำให้รู้ว่าราคาขายเฉลี่ยของพลอยที่คุณจะขายอยู่ที่เม็ดละ $25 และมี Sell-Through 60% ถามว่าคุณควรจะขายพลอยในอีเบย์ หรือไม่
จากสมการ กำไร = ราคาขาย – ต้นทุน ในที่นี้คุณมีตัวเลขราคาขายเฉลี่ยอยู่แล้ว ที่ต้องคำนวณเพิ่มก็คือต้นทุนต่อสินค้าที่ขายได้หนึ่งชิ้น
เริ่มจากคำนวณต้นทุน Listing Fee ต่อสินค้าที่ขายได้หนึ่งชิ้น ถ้าคุณลงประกาศขายด้วยราคาประมูลเริ่มต้นที่ $0.99 และไม่ใช้ Listing Upgrade เลย คุณจะเสียค่า Listing Fee $0.55 ต่อหนึ่งลิสต์ คำนวณต้นทุน Listing Fee ต่อสินค้าที่ขายได้หนึ่งชิ้นเท่ากับ $0.92
ค่า Final Value Fee ในกรณีที่ขายสินค้าได้ราคา $25 = $25 x 8.75% = $2.19
ค่า PayPal Fee = ($25 x 3.9%) + $0.30 = $1.28
ค่า Withdrawal Fee = $25 x 2.5% = $0.63
จะเห็นได้ว่าผลออกมาคือขาดทุน ทั้งที่ดูเผินๆ แล้วจะเห็นว่าส่วนต่างของราคาขาย $25 กับต้นทุนสินค้า ($20 มีช่องว่างอยู่พอสมควร แต่พอคำนวณต้นทุนทั้งหมดรวมเข้าไปกลับกลายเป็นขาดทุนไปเลย